มหาวิทยาลัยไทยกับการจัดอันดับสาขาแพทยศาสตร์และระบบสาธารณสุข โดย Times Higher Education (THE) 2025: ก้าวสำคัญสู่ความเป็นเลิศระดับโลก?

การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย Times Higher Education (THE) ถือเป็นหนึ่งในดัชนีสำคัญที่สะท้อนถึงคุณภาพและความสามารถทางการศึกษาและการวิจัยของสถาบันอุดมศึกษาทั่วโลก สำหรับประเทศไทย การจัดอันดับสาขาแพทยศาสตร์และระบบสาธารณสุขในปี 2025 นี้ เผยให้เห็นถึงความก้าวหน้าและความท้าทายที่มหาวิทยาลัยไทยต้องเผชิญในเวทีโลก บทความนี้จะเจาะลึกถึงผลการจัดอันดับ ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ และสิ่งที่ประเทศไทยควรให้ความสำคัญเพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านแพทยศาสตร์และระบบสาธารณสุขต่อไป

ภาพรวมการจัดอันดับแพทยศาสตร์และระบบสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยไทยในปี 2025 โดย THE

จากการสำรวจข้อมูลจาก THE World University Rankings by Subject 2025 สาขาแพทยศาสตร์และระบบสาธารณสุข พบว่ามีมหาวิทยาลัยไทยหลายแห่งที่ติดอันดับโลก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศในการผลิตบุคลากรและงานวิจัยด้านวิศวกรรม อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ย่อมไม่มีวันสิ้นสุดและการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดอันดับเชิงลึกจะช่วยให้เราเข้าใจถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละสถาบัน รวมถึงภาพรวมของระบบการศึกษาด้านแพทยศาสตร์และระบบสาธารณสุขของไทย โดยองค์ประกอบที่ THE ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วย การเรียนการสอน (Teaching), สภาพแวดล้อมการวิจัย (Research Environment), คุณภาพการวิจัย (Research Quality), รายได้จากภาคอุตสาหกรรม (Industry Income) และความเป็นนานาชาติ (International Outlook) และข้อมูลดังต่อไปนี้เป็นผลการจัดอันดับ 10 อันดับแรก

อันดับที่ 1 มหาวิทยาลัยมหิดล

อันดับที่ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อันดับที่ 3 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

อันดับที่ 4 มหาวิทยาลัยขอนแก่น

อันดับที่ 5 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

อันดับที่ 6 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

อันดับที่ 7 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

อันดับที่ 8 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

อันดับที่ 9 มหาวิทยาลัยบูรพา

อันดับที่ 10 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

การจัดอันดับโดยสรุปตามตัวชี้วัด

ข้อเสนอแนะเพื่อการยกระดับมหาวิทยาลัยไทยด้านแพทยศาสตร์และระบบสาธารณะสุข

1. เพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมการวิจัย ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนที่ชัดเจนที่สุดของมหาวิทยาลัยไทยส่วนใหญ่จากการจัดอันดับ ควรมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างและปรับปรุงห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์ที่ทันสมัย และการสนับสนุนนักวิจัยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
2. ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน เริ่มจากการทบทวนหลักสูตร วิธีการสอน การฝึกอบรมคณาจารย์ และการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของนักศึกษาและตลาดแรงงาน
3. ส่งเสริมความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและสังคม สร้างกลไกที่เข้มแข็งในการถ่ายทอดความรู้ ผลงานวิจัยสู่ภาคปฏิบัติและเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างประโยชน์และรายได้กลับคืนสู่มหาวิทยาลัยต่อไป
4. ยกระดับคุณภาพและปริมาณงานวิจัย สนับสนุนการทำวิจัยที่มีคุณภาพสูง ตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ และเพิ่มจำนวนการอ้างอิง เพื่อสร้างชื่อเสียงด้านวิชาการและภาพลักษณ์ในระดับนานาชาติ
5. เสริมสร้างความเป็นนานาชาติ เพิ่มความหลากหลายของนักศึกษาและบุคลากรนานาชาติ ส่งเสริมความร่วมมือกับสถาบันต่างประเทศ และโครงการแลกเปลี่ยน เพื่อสร้างเครือข่ายและโอกาสในการเรียนรู้ระดับโลก โดยทั่วไปจากงานวิจัยหลายฉบับพบว่า เมื่อมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงที่ดีทั้งในด้านวิชาการ รายได้และภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อสากลแล้วนั้น นักศึกษาจากต่างประเทศหรือนักเรียนแลกเปลี่ยนย่อมมากขึ้นตามไปด้วย ฉะนั้นข้อเสนอแนะในลำดับที่ 5 นี้อาจกล่าวได้ว่าจะสัมฤทธิ์ผลเมื่อมหาวิทยาลัยไทยแก้จุดอ่อน 4 ข้อก่อนหน้าได้สำเร็จนั้นเอง

การจัดอันดับ Times Higher Education World University Rankings by Subject 2025 ด้านแพทยศาสตร์และระบบสาธารณะสุข เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนในปัจจุบันของมหาวิทยาลัยไทยด้านแพทยศาสตร์และระบบสาธารณะสุขในเวทีโลก แม้จะมีความก้าวหน้าและศักยภาพที่โดดเด่น แต่ยังมีพื้นที่ว่างอีกมากสำหรับการพัฒนา การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคอุตสาหกรรม โดยทุกภาคส่วนล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้มหาวิทยาลัยไทยสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน

แหล่งที่มา:

Times Higher Education. World University Rankings by Subject 2025: Medical and Health. https://www.timeshighereducation.com/world-university-rankings/2025/subject-ranking/clinical-pre-clinical-health

Tharnkub

2025-06-20 | 04:37:02