G-Token นวัตกรรมทางการเงิน พันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบโทเคนดิจิทัล

นวัตกรรมเพื่อการระดมทุนจากประชาชน ผ่านการลงทุนระยะสั้นที่มีรัฐบาลค้ำประกันทั้งต้นทุนและดอกเบี้ย ตลอดอายุการลงทุน

รัฐบาลไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน นอกจากนโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet หรือนโยบายแจกเงินดิจิทัล (Digital Wallet Policy) ที่ได้เริ่มดำเนินการไปในหลายระยะแล้วนั้น อีกหนึ่งนวัตกรรมทางการเงินที่น่าจับตาคือ G-Token โทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุนโดยตรงจากประชาชนที่ออกโดยรัฐบาลไทย ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มตัว

 

G-Token คืออะไร ?

G-Token หรือ Government Token เป็นโทเคนดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ มีความแตกต่างจากคริปโทเคอร์เรนซีที่พบเห็นได้โดยทั่วไปอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ตรงที่ G-Token เป็นโทเคนดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนและควบคุมโดยรัฐบาลโดยตรง ภายใต้การกำกับดูแลของพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีลักษณะเป็นตราสารหนี้ภาครัฐในรูปแบบดิจิทัล เสมือนเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ ที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยในรูปแบบดิจิทัล 100% บนระบบบล็อกเชน โดยการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด และโทเคนดิจิทัลดังกล่าวไม่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ทำให้มีเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือสูงกว่าสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยภาคเอกชน

 

G-Token มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ตามกรอบงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณประจำปี โดยรัฐบาลหวังว่านโยบายดังกล่าวจะสามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ให้สามารถเพิ่มการออมของประชาชน และเพิ่มการเข้าถึงการเงินให้ทั่วถึงและเท่าเทียม (Financial Inclusion) มากขึ้น โดยกระทรวงการคลังมีแผนจะเปิดให้ประชาชนจองซื้อได้ภายในช่วงเดือนกรกฎาคม และเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2568 ในวงเงินเบื้องต้นประมาณ 5,000 ล้านบาท ก่อนพิจารณาขยายวงเงินในระยะถัดไป หากได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน

 

ข้อควรระวังเพื่อป้องกันการเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับ G-Token

  • G-Token ไม่ใช่คริปโทเคอร์เรนซี ไม่ใช่สกุลเงินใหม่ ไม่ใช่เงินบาทดิจิทัล แต่เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ที่ออกโดยรัฐบาลไทย
  • ไม่สามารถนำ G-Token ไปชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการหรือชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โดยจะถูกใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการระดมทุนและการลงทุนจากประชาชนโดยรัฐบาลไทยเท่านั้น
  • รัฐบาลไทยค้ำประกันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ตลอดอายุการลงทุน แต่ไม่ค้ำประกันราคาในตลาดรอง กรณีขาย G-Token เพื่อนำเงินคืนก่อนครบกำหนดระยะเวลาการลงทุน

 

ข้อดีของ G-Token

  1. สะดวกและเข้าถึงได้ง่าย ผู้สนใจไม่จำเป็นต้องเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ทำธุรกรรมสะดวกผ่านโทรศัพท์มือถือ ไม่ต้องเดินทางไปยังสาขาธนาคาร ช่วยให้ประชาชนรายย่อยและคนรุ่นใหม่เข้าถึงการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐได้สะดวกขึ้น (Financial Inclusion)
  2. โปร่งใสและปลอดภัย การบันทึกบนบล็อกเชนเพิ่มความน่าเชื่อถือและลดความเสี่ยงการทุจริต โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ออกและค้ำประกัน ทำให้โอกาสเสียเงินแทบจะเป็นศูนย์
  3. เสริมการออมเพิ่มการใช้งานระบบดิจิทัล กระตุ้นให้คนหันมาออมและลงทุนในรูปแบบดิจิทัล ด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคาร จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้เงินงอกเงยและไม่ต้องการความเสี่ยงสูง
  4. มีสภาพคล่องสูง ขาย G-Token คืนสู่ตลาดรองได้ทันทีหากต้องการเงินคืน โดยไม่จำเป็นต้องรอครบกำหนด
  5. ลดต้นทุนภาครัฐ ช่วยลดภาระและต้นทุนในการบริหารจัดการพันธบัตรแบบเดิมของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

 

ข้อเสียของ G-Token

  1. ความเสี่ยงด้านการโจรกรรมทางไซเบอร์ แม้รัฐบาลจะพยายามป้องกันอย่างเต็มที่แต่ระบบบล็อกเชนหรือแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายอาจถูกแฮก เพื่อโจรกรรมทั้งข้อมูลผู้ใช้และข้อมูลโทเคนในระบบไปได้
  2. ความเสี่ยงด้านราคาที่อาจผันผวนในตลาดรอง แม้รัฐบาลจะค้ำประกันเงินต้นและผลตอบแทน แต่การขายในตลาดรองก่อนกำหนด ราคาของ G-Token ก็ยังขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด
  3. เกิดปัญหาสำหรับประชาชนที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ประชาชนที่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ตลอดไปจนถึงสินทรัพย์ดิจิทัล อาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจในระยะเวลาหนึ่ง

 

สรุปลักษณะและการลงทุนของ G-Token

  1. วงเงินลงทุนเริ่มต้นหน่วยละ 1 บาท
  2. ลงทุนได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถลงทุน
  3. ข้อมูลการเป็นเจ้าของและการทำรายการจะถูกบันทึกบนบล็อกเชน
  4. รัฐบาลค้ำประกันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ตลอดอายุการลงทุน และให้ผลตอบแทนที่แข่งขันได้หรือดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไป (ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ต่ำกว่าหุ้นหรือคริปโทเคอร์เรนซี)
  5. ระยะเวลาลงทุนเป็นแบบระยะสั้น 1–3 ปี (ขายคืนในตลาดรองได้ก่อนกำหนดหากต้องการ โดยราคาเป็นไปตามความผันผวนของตลาด)
  6. ทำการซื้อขายผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) หรือผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือแอปพลิเคชันของบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมโครงการ

 

คำเตือน

การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาและตัดสินใจลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้


Tharnkub

2025-06-23 | 05:41:16

23 มิ.ย. 2568 Tharnkub
Back To Top