ในยุคที่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล แม้แต่ธนาคารที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็กำลังก้าวเข้าสู่มิติใหม่อีกครั้งด้วยการนำธนาคารและบริการทั้งหมดเข้าสู่ดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ ไร้ซึ่งสาขา ไร้ซึ่งพนักงานต้อนรับ และแน่นอนว่าก็ต้องไร้ซึ่งการรอคิวที่แสนยาวนานด้วยเช่นกัน รูปแบบธนาคารที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ถูกเรียกอย่างตรงไปตรงมาว่า “ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank)” แล้วธนาคารรูปแบบนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง กระทรวงพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทยขยับเรื่องนี้แล้วจะดีต่อ “คนตัวเล็ก” จริงหรือไม่ ?
รู้จักกับ Virtual Bank
ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) คือ สถาบันการเงินที่ให้บริการเสมือนธนาคารพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ แต่ไม่มีสาขาจริงในทางกายภาพ (ไม่สามารถเดินทางไปยังสาขาที่เปิดให้บริการได้ เพราะไม่มีอยู่จริง แต่อยู่ในโลกดิจิทัลเท่านั้น) การดำเนินงานทั้งหมด ตั้งแต่การเปิดบัญชี โอนเงิน ชำระบิล ขอสินเชื่อ ไปจนถึงการลงทุน ล้วนเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เว็บไซต์ หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ และคงไม่ผิดนักหากจะสรุปสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายที่สุดว่า ธนาคารไร้สาขา คือ “ธนาคารออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน”
แล้ว Virtual Bank จะต่างจากแอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างไร ?
แน่นอนว่าคงต้องย้ำอีกสักครั้งว่าหัวใจสำคัญที่สุดของ Virtual Bank คือการเป็นธนาคารที่ไม่มีสาขา (Physical Branches) ซึ่งนี่คือความแตกต่างที่สำคัญที่สุดของการเป็น Virtual Bank โดยจะไม่เหมือนธนาคารทั่วไปที่มีอาคารสาขาตั้งอยู่ตามที่ต่างๆ ทำให้ลดต้นทุนการดำเนินงานลงได้อย่างมหาศาล แต่ต้นทุนที่หายไปนั้นก็จะต้องถูกแทนที่ด้วยต้นทุนของเทคโนโลยี เนื่อง Virtual Bank ซึ่งเป็นธนาคารในรูปแบบดิจิทัลจะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ประมวลผลธุรกรรม และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ แต่ถึงอย่างไรก็ตามต้นทุนทางด้านเทคโนโลยีเหล่านี้เมื่อเทียบต้นทุนของการมีอาคารใหญ่ๆ พนักงานอีกหลายร้อย หลายพันคนในการบริหารและให้บริการแก่ผู้ใช้บริการนั้น ต้นทุนของเทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้ย่อมถูกกว่าอย่างแน่นอน นั้นส่งผลให้ Virtual Bank จะกลายเป็นธนาคารที่มีค่าธรรมเนียมต่ำหรืออาจไม่มีเลย เพราะธนาคารไม่มีต้นทุนค่าเช่าสาขา ค่าพนักงาน และค่าบำรุงรักษาอาคาร ทำให้ Virtual Bank สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ นอกจากนี้ Virtual Bank ยังมีการให้บริการที่ปรับแต่งได้ (Personalized Services) ด้วยการใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในระบบดิจิทัลที่ผ่านการประมวลผลจาก AI จนสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายได้แม่นยำยิ่งขึ้นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ Virtual Bank จะไม่มีสาขา แต่ Virtual Bank ก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ทั่วไป และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและเงินของผู้ใช้บริการทุกคนอย่างเข้มงวด นั้นจึงเป็นเหตุผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้ง Virtual Bank เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 โดยจากผู้ยื่นสมัครทั้งหมด 5 ราย ผ่านการเห็นชอบเพียง 3 รายเท่านั้น ได้แก่
โดยหลังการประกาศความเห็นชอบดังกล่าว ผู้ผ่านการเห็นชอบมีระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี สำหรับเตรียมจัดตั้ง Virtual Bank โดยหลังจากเตรียมความพร้อมเสร็จสิ้นผู้ผ่านการเห็นชอบต้องยื่นขอรับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ Virtual Bank ต่อธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้ง ก่อนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเสนอความเห็นให้กระทรวงการคลังออกใบอนุญาตในการจัดตั้งและให้บริการเป็นลำดับถัดไป ทั้งนี้ Virtual Bank ที่ผ่านขั้นตอนทั้งหมดจะเริ่มเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ 19 มิถุนายน 2569 เป็นต้นไป
แล้ว “คนตัวเล็ก” จะได้ประโยชน์จาก Virtual Bank อย่างไร ?
อย่างไรก็ตาม Virtual Bank ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาความหน้าเชื่อถือจากการเป็นธนาคารรูปแบบใหม่ และอาจทำให้เกิดความกังวลแก่ผู้ใช้บริการในเรื่องของความปลอดภัยทางไซเบอร์ ดังนั้นการรับประกันเงินฝากจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่มั่นใจและกล้าที่จะใช้บริการ Virtual Bank ได้อย่างเต็มที่
จนถึงตอนนี้เชื่อเหลือเกินว่าผู้อ่านของผมทุกคน คงทราบกันเป็นอย่างดีว่า Virtual Bank จะไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่คืออนาคตของอุตสาหกรรมการเงินที่จะมอบทั้งความคล่องตัวและประโยชน์อีกมากมายให้แก่ผู้บริโภค การเข้าใจในข้อดีและข้อควรระวังเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมนี้ได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย พร้อมก้าวเข้าสู่ยุคของการเงินดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ
Tharnkub
2025-06-25 | 04:42:05