Guillermo del Toro's Cabinet of Curiosities ตู้ลับสุดหลอน

ย้อนชมเรื่องสั้นสยองขวัญ 8 ตอน 8 รสชาติ คัดสรรโดยปรมาจารย์ภาพยนตร์สัตว์ประหลาดกีเยร์โม เดล โตโร

ตู้ลับสุดหลอน (Cabinet of Curiosities) ซีรีส์เรื่องสั้นสยองขวัญ 8 ตอน 8 รสชาติ แบบจบในตอน ที่ถูกคัดสรรโดยปรมาจารย์แห่งภาพยนตร์สัตว์ประหลาดอันมืดมนอย่าง “กีเยร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro)” ผู้กำกับเจ้าของผลงาน Pan’s Labyrinth, The Shape of Water, Hellboy และ Frankenstein ที่จะพาทุกคนเข้าไปพบกับเรื่องราวสยองขวัญหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ผี ปีศาจ สัตว์ประหลาด เอเลี่ยน และแม่มด

 

หัวใจสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้คือการให้อิสระแก่ผู้กำกับมากหน้าหลายตาจากวงการหนังสยองขวัญ ทั้งที่พอจะมีผลงานชื่อดังอยู่บ้าง ไปจนถึงชื่อใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นหู โดยผู้กำกับแต่ละคนจะได้รับโจทย์ให้นำเสนอ “ความสยองขวัญ” ในแบบของตนเอง ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แต่ละตอนจะมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความสยองขวัญแบบดั้งเดิม (Gothic Horror) ไปจนถึงความสยองขวัญเชิงร่างกาย (Body Horror) ที่จะทำให้สะอิดสะเอียนจากฉากต่างๆ ที่เกี่ยวกับอวัยวะในร่างกาย และจิตวิทยา (Psychological Horror)

 

เรื่องสยองขวัญทั้ง 8 ตอน กีเยร์โม เดล โตโร จะปรากฏตัวเพื่อนำเสนอสิ่งของสุดแปลกที่ถูกเก็บไว้ในตู้ ซึ่งมีตั้งแต่ของที่แปลกด้วยรูปลักษณ์ของมันเอง ของที่เกี่ยวของกับศาสนา ความเชื่อ และของธรรมดาๆ ที่มีเรื่องราวหรือที่มาอันมืดมน ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยชื่อของผู้กำกับ และตัดเข้าสู่เรื่องราวสยองขวัญในแต่ละตอน

ตู้หมายเลข 36

ผู้กำกับ: กิเยร์โม นาวาร์โร (Guillermo Navarro)

ตอนนี้เป็นตอนแรกของซีรีส์กับสิ่งของคือกุญแจห้องเก็บของ ถือเป็นการอุ่นเครื่องสู่ความสยองขวัญที่ดีเลยทีเดียว ในตอนนี้เป็นเรื่องราวของ “คนซื้อของเก่า” ที่ประมูลตู้เก็บของเพื่อนำมาขายใช้หนี้ ก่อนจะพบว่าตู้หมายเลข 36 ที่ประมูลมาได้นั้นเต็มไปด้วย “วัตถุต้องสาป” ที่ทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับพิธีกรรมต้องห้ามและการอัญเชิญปีศาจโดยไม่รู้ตัว นอกจากเรื่องหลอนๆ แล้วเสน่ห์ของตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นโทนเรื่องที่นำเสนออย่างมืดมนและตัวละครแบบขบถ ที่ไม่เชื่อฟังและท้าทายทุกกฎ เหมือนคนรนหาที่จนได้เรื่องนั้นเอง

หนูในสุสาน

ผู้กำกับ: วินเชนโซ นาตาลี (Vincenzo Natali)

เปลี่ยนตอนเปลี่ยนรสชาติ จากเรื่องพิธีกรรมและปีศาจในตอนที่หนึ่ง เข้าสู่เรื่องราวของสัตว์ประหลาด สิ่งของในตอนนี้คือ “สร้อยคอต้องสาป” เรื่องราวของ “โจรปล้นศพ” ชายผู้หากินจากการขโมยทรัพย์สินของคนตายจากโลงศพในสุสานที่เต็มไปด้วยหนู ก่อนจะค้นพบว่าใต้สุสานนั้นมีทั้งหนูยักษ์ คำสาป และสมบัติที่โจรแบบเขาอยากได้นักหนา นอกจากเรื่องราวสยองขวัญแล้วตอนนี้ยังมีความน่าสนใจที่ตัวหนูยักษ์ใต้สุสาน ซึ่งใช้หุ่นจำลองที่มีกลไกอิเล็กทรอนิกส์ (Animatronic) เพื่อสร้างภาพหลอนของตัวหนูออกมาได้อย่างน่าสนใจ แม้จะมีจุดขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่ก็เป็นเทคนิคทางภาพยนตร์ที่พอจะสร้างความแตกต่างจากการใช้ Visual Effects หรือ CGI ที่พบเห็นได้ง่ายในปัจจุบัน

ชันสูตรศพ

ผู้กำกับ: เดวิด ไพรเออร์ (David Prior)

เรื่องราวแนวสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ชันสูตรและนายอำเภอที่พบเบาะแสของเหตุการณ์ชวนขนหัวลุก สิ่งของในตอนนี้คือ “เครื่องบันทึกเสียงเปื้อนเลือด” และแน่นอนว่าในตอนนี้เราจะได้เห็นความสยองผ่านการชันสูตรศพคนตาย และสยองยิ่งขึ้นอีกเมื่อศพบางศพลุกขึ้นเดินได้อีกครั้ง ก่อนจะพบว่าซากศพที่เดินได้นั้นมีสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกคอยบงการอยู่เบื้องหลัง หากใครเป็นแฟนคลับของนักเขียนวรรณกรรมสยองขวัญชื่อดังชาวอเมริกันอย่าง “โฮเวิร์ด ฟิลิปส์ เลิฟคราฟท์ (H.P. Lovecraft)” คุณจะตกหลุมรักตอนนี้อย่างแน่นอน ทั้งชั้นเชิงในการเล่าเรื่อง วิธีการนำเสนอ การถ่ายทำโดยใช้ฉากหลักเพียงฉากเดียวคือ “ห้องเก็บศพ” และที่ขาดไม่ได้คือตัวละครที่จบชีวิตตัวเองแบบเท่ๆ ตามสไตล์งานเขียนของ H.P. Lovecraft แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อย้อนไปดูรายละเอียดเบื้องหลังพบว่า แม้จะมีกลิ่นอายของ H.P. Lovecraft อยู่มากแค่ไหนแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ผลงานหรือการดัดแปลงผลงานของ H.P. Lovecraft แต่อย่างใด

รูปลักษณ์ภายนอก

ผู้กำกับ: อนา ลิลลี่ อเมอร์พัวร์ (Ana Lily Amirpour)

ตอนที่สี่กับสิ่งของขนาดพอดีมือแสนธรรมดา “รีโมทโทรทัศน์” เรื่องสยองขวัญของ “ความงาม” ว่าด้วยหญิงสาวผู้คลั่งไคล้ในมาตรฐานความงามและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่ทำให้เธอไม่เคยรู้จักพอใจในรูปลักษณ์ภายนอก (Outside) ของตนเอง แม้ในเรื่องจะไม่มีตัวละครใดบอกว่าเธอแย่ บอกว่าเธอไม่สวย แต่กลับเป็นตัวของเธอเองที่ดูถูกและด้อยค่าตนเอง จนนำมาสู่เรื่องหลอนๆ ที่ต้องตีความระหว่าง “เรื่องจริง” และ “เรื่องหลอน” อย่างเช่น โทรทัศน์ที่พูดคุยกับคนดูได้ ทำเอาเราๆ ในฐานะคนดูต่างต้องคิดไปตามๆ กันว่า “เธอหลอนไปเองหรือเธอเจอโทรทัศน์ที่คุยกับเธอได้จริงๆ กันแน่ ?” และความน่าสนใจยังไม่จบลงเพียงเท่านี้เมื่อซีรีส์หยิบยกเอาประเด็นครอบครัวเข้ามาผ่านตัวละครสำคัญนั้นคือสามีของเธอเอง ที่คอยให้กำลังใจ เห็นใจ และพึ่งพอใจในสิ่งที่เธอเป็น โดยผู้กำกับอาจใช้สิ่งนี้แทนรูปลักษณ์ภายใน (Inside) ที่ตัวเธอนั้นมองข้ามมันไปเสมอ อีกทั้งเรื่องราวบางส่วนยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนร่างจากร่างเดิมที่ตัวละครหลักในเรื่องเชื่ออย่างสนิทใจว่าไม่สมบูรณ์แบบไปสู่ร่างที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ทำให้กลิ่นอายของภาพยนตร์ใกล้เคียงกับภาพยนตร์เรื่อง “สวยสลับร่าง (The Substance)” ของ Netflix ในปี 2024 และแม้ว่าตอนนี้อาจไม่ได้หลอนหรือน่ากลัวอย่างสยดสยองมากนักเมื่อเทียบกับตอนอื่นๆ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งตอนที่นำพาเราๆ ทั้งหลายตั้งคำถามกับสถานะทางสังคม ตัวตน และความงามได้อย่างน่าอัศจรรย์

นางแบบของพิคแมน

ผู้กำกับ: คีธ โธมัส (Keith Thomas)

เรื่องสั้นที่ดัดแปลงจากผลงานของ H.P. Lovecraft กับสิ่งของคือ “อัลบั้มภาพวาด” ว่าด้วยศิลปินชื่อ “พิคแมน (Pickman)” ชายผู้มองเห็นโลกที่มืดมนและความสยดสยองที่คนอื่นมองไม่เห็นหรืออาจไม่มีโอกาสได้เห็น นั้นทำให้ภาพวาดของพิคแมนจึงน่ากลัว สยดสยองและจะกลายเป็นภาพวาดที่จะสั่นคลอนจิตวิญญาณของผู้ที่มองมันไปตลอดกาล และตอนนี้ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งตอนที่เราต้องตีความระหว่าง “เรื่องจริง” และ “เรื่องหลอน” แต่คราวนี้ผู้กำกับไม่ใจร้ายอย่างที่คิด เพราะท้ายเรื่องก็เฉลยความจริงไว้อย่างชัดเจนทำให้ “นางแบบของพิคแมน” เป็นอีกหนึ่งตอนที่สนุกกับการคิด เล่นกับใจคนดู และหักมุมอย่างไม่น่าเชื่อ

ความฝันในบ้านแม่มด

ผู้กำกับ: แคทเธอรีน ฮาร์ดวิค (Catherine Hardwicke)

เรื่องสั้นอีกเรื่องที่ดัดแปลงจากผลงานของ H.P. Lovecraft กับสิ่งของคือ “ภาพวาดนิมิตรของคนทรงและไม้กายสิทธิ์” ในตอนที่หกนี้ว่าด้วยชายผู้สูญเสียน้องสาวฝาแฝดไปเมื่อหลายปีก่อน และด้วยความรักที่มีต่อเธอนั้นทำให้เขาต้องใช้ยาชนิดพิเศษที่ทำให้เขาก้าวข้ามไปยังโลกหลังความตาย ด้วยความหวังว่าจะพาเธอกลับมามีชีวิตอีกครั้งให้ได้ แต่แล้วความสยองก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อโลกหลังความตายไม่ได้มีแค่คนตาย แต่ยังมีแม่มดผู้ทรงพลัง ที่ต้องการกลับมายังโลกของคนเป็นอีกครั้ง ตอนที่หกนี้จึงเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและพลังเหนือธรรมชาติ และแม้ว่าตอนนี้จะเป็นอีกหนึ่งตอนที่ดัดแปลงมาจากผลงานของ H.P. Lovecraft แต่กลับเป็นตอนที่ย่อยง่าย ดูเพลิน แม้จะอืดไปบ้างในช่วงต้นเรื่อง แต่ก็ไม่มีเรื่องราวให้ต้องตีความมากนัก ทำให้เป็นอีกหนึ่งรสชาติของความสยองขวัญที่น่าสนใจไม่แพ้กัน และการันตีว่าตอนนี้จะจบตอนแบบ Happy แบบที่ช่วงต้นเรื่องได้มีการกล่าวนำเอาไว้อย่างแน่นอน

การร่วมชม

ผู้กำกับ: พานอส คอสมาโทส (Panos Cosmatos)

สิ่งของในตอนนื้คือ “บัตรเชิญสำหรับร่วมชม” เรื่องราวการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่มีพรสวรรค์สี่คนในคฤหาสน์ของมหาเศรษฐีผู้รักสันโดษ เพื่อร่วมชมวัตถุลึกลับที่อาจมาจากนอกโลก แต่ไม่นานก็ค้นพบว่าวัตถุลึกลับนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เฝ้ามองพวกเขา แทนที่พวกเขาจะเฝ้ามองมันด้วยซ้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งตอนที่เล่าเรื่องสยองขวัญโดยใช้สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดใกล้เคียงกับเอเลี่ยนต่างดาว ในตอนนี้เราจะได้เห็นเอเลี่ยนแบบตัวเป็นๆ แม้เรื่องราวจะไม่ได้ใส่ฉากต่อสู้ระหว่างคนกับเอเลี่ยนเข้ามามากนัก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวให้ชวนติดตามและจินตนาการต่อว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรเมื่อเอเลี่ยนหลุดเข้าสู่เมืองที่มีคนอาศัยอยู่จำนวนมาก

ฝูงนก

ผู้กำกับ: เจนนิเฟอร์ เคนท์ (Jennifer Kent)

ปิดท้ายด้วย “ผ้าลายฝูงนก” กับความหลอนสุดคลาสสิกอย่างบ้านผีสิง ว่าด้วยคู่รักนักปักษีวิทยา เดินทางมาส่องนก ณ บ้านพักห่างไกลแห่งหนึ่ง ก่อนจะรู้ความจริงสุดสะเทือนขวัญเกี่ยวกับโศกนาฎกรรมที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ ด้วยเรื่องสุดคลาสสิกนี้เหล่าผีจะทยอยออกมาหลอนทั้งตัวละครและคนดูแบบทีละเล็กทีละน้อย พาคนดูคิดและสืบสวนไปพร้อมกับตัวละครในเรื่อง พร้อมตอกย้ำแก่นสารของเรื่องราวไว้อย่างชัดเจนเป็นข้อคิดให้เราได้ลืมเรื่องในอดีต ทิ้งโลกสีเทา แล้วเดินต่อไปในอนาคต มองให้เห็นความงามรอบตัวเราเสียที

 

เมื่อรับชมจนจบและครบทุกตอนแล้วแม้จะเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด ปีศาจ และสิ่งลี้ลับตามแต่จะจินตนาการแล้วนั้น แก่นของเรื่องก็ยังคงเป็นการสำรวจความโลภ, ความริษยา, ความบ้าคลั่ง และความสูญเสีย ซึ่งเป็นความสยองขวัญที่ฝั่งรากลึกอยู่ในจิตใจของมนุษย์ ท้ายที่สุดนี้ผมเชื่อเหลือเกินว่าผู้ชมทั้งหลายอาจจะได้พบเจอกับตอนที่ชอบและไม่ชอบ หรือบางท่านอาจตกหลุมรักมันอย่างหมดหัวใจแทบทุกตอนก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน “ตู้ลับสุดหลอน (Cabinet of Curiosities)” จะยังคงเป็นอีกหนึ่งซีรีส์สยองขวัญทรงคุณค่าที่ผมจะแนะนำให้คุณได้ชมสักครั้งในชีวิตอย่างแน่นอน


 

กดที่นี่เพื่อรับชมได้กีเยร์โม เดล โตโร: ตู้ลับสุดหลอน

 

 

THARNKUB

จากนักอ่านผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์และปรัชญา สู่นักเขียนด้านการศึกษา เทคโนโลยี เศรษฐกิจ การเมือง และวิถีชีวิต ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักคิดหัวขบถ ผู้ซึ่งสนุกกับการท้าทายทุกมิติของความรู้

16 พ.ย. 2568 Tharnkub
Back To Top